สรุปนักธรรมโทวิชา
อนุพุทธประวัติ
ข้อที่
๑ ว่าด้วยเรื่องอนุพุทธบุคคล
๑. อนุพุทธบุคคล คือใคร ? มีความสาคัญอย่างไร ?
ตอบ. คือ สาวกผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้า ฯ
อนุพุทธบุคคลเป็นสังฆรัตนะในรัตนะ
๓ เป็นพยานยืนยันความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และเป็นกาลังใหญ่ของพระพุทธเจ้าในอันช่วยประกาศพระธรรมประดิษฐานพระพุทธศาสนาขึ้น
เพื่อประโยชน์สุขแก่ชนเป็นอันมาก ฯ
๒.พุทธบริษัท ๔ ผู้เป็นอริยสาวก มีลาดับการเกิดขึ้นก่อนหลังกันอย่างไร
? บุคคลแรกของแต่ละบริษัทนั้นคือใคร ?
ตอบ
มีลำดับอย่ำงนี้ คือ ภิกษุ อุบำสก อุบำสิกำ และภิกษุณี ฯพระอัญญำโกณฑัญญะ เป็นคนแรกของภิกษุบริษัทบิดำของพระยสะ
เป็นคนแรกของอุบำสกบริษัทมำรดำและภรรยำของพระยสะ เป็นคนแรกของอุบำสิกำบริษัทพระนำงปชำบดี
โคตมี เป็นคนแรกของภิกษุณีบริษัท ฯ
๓.
พระสาวกสงฆ์ผู้ได้ชื่อว่าอนุพุทธะ มีความสาคัญอย่างไร ?
ตอบ มีความสาคัญ คือ พระสงฆ์สาวกจัดเป็นรัตนะประการหนึ่งในรัตนะ
๓ ซึ่งเป็นผู้มีศีลและทิฏฐิเสมอกัน ถ้าไม่มีพระสาวกสงฆ์เป็นผู้รู้ธรรมและรับปฏิบัติธรรม
ความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าก็ไม่สาเร็จประโยชน์ และพระสาวกสงฆ์นั้นได้เป็นกาลังใหญ่ของพระศาสนาในอันช่วยประกาศพระธรรมประดิษฐานพระพุทธศาสนาขึ้น
เพื่อประโยชน์สุขแก่ชนเป็นอันมาก
๔.พุทธบุคคล
มีกี่ประเภท ? อะไรบ้าง ?
ตอบ.
มี ๓ ประเภทฯ คื ๑. พระสัมมาสัมพุทธะ ๒.
พระปัจเจกพุทธะ ๓. พระอนุพุทธะ ฯ
๕.
สัมมาสัมพุทธะ ปัจเจกพุทธะ และอนุพุทธะ ต่างกันอย่างไร ? การเรียนอนุพุทธประวัติสาเร็จประโยชน์อย่างไร ?
ตอบ
สัมมาสัมพุทธะ ตรัสรู้เองโดยชอบ และสอนผู้อื่นให้รู้ตามได้ด้วย
ปัจเจกพุทธะ
ตรัสรู้เฉพาะตน แต่ไม่สามารถสอนผู้อื่นให้รู้ตามได้
อนุพุทธะ
ตรัสรู้ตาม คือมีพระพุทธเจ้าสั่งสอนจึงรู้ตามได้ และสามารถสอนผู้อื่นให้กระทาตามด้วย
ฯ
เพื่อจะได้ทราบความเป็นไปและปฏิปทาของท่าน
ที่ได้ช่วยประกาศพระศาสนาในที่นั้น ๆ จนเป็นเหตุเจริญแพร่หลายและมั่นคง แล้วจักได้ถือเป็นทิฏฐานุคติ
บาเพ็ญประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านโดยควรแก่ฐานะของตน ทั้งให้สาเร็จเป็นสังฆานุสติมั่นคงอีกด้วย
ฯ
๖.
อนุพุทธบุคคล คือใคร ? ท่านเหล่านั้นมีความสาคัญต่อพระศาสดา
อย่างไร ?
ตอบ
คือ สาวกผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้า ฯ
มีความสาคัญอย่างนี้
แม้พระศาสดาได้ตรัสรู้และทรงแสดงธรรม แต่เมื่อ ขาดผู้รู้ธรรมและรับปฏิบัติ ความตรัสรู้ของพระองค์ก็ไม่สาเร็จประโยชน์
ฯ
๗.
ประวัติอนุพุทธบุคคลมีความสาคัญต่อผู้ศึกษาอย่างไร ?
ตอบ
ทำให้ผู้ศึกษำได้รับควำมรู้ในจริยำวัตรและคุณควำมดีที่ท่ำนได้บำเพ็ญมำ ตลอด จนถึงผลงำนในกำรช่วยเผยแผ่พระพุทธศำสนำอันทำให้เจริญสืบมำถึงทุกวันนี้
นำให้เกิดควำมเลื่อมใสและควำมนับถือ เป็นทิฏฐำนุคติอันดี สำมำรถน้อมนำมำ ปฏิบัติตำมได้
ฯ
ข้อที่ ๒
ว่าด้วยเรื่อง การเทศนา
๑. พระศาสดาทรงแสดงอาทิตตปริยายสูตรโปรดพวกปุราณชฎิลเพราะเหตุไร ?
ตอบ เพราะเป็น พระสตูรที่เหมาะแกบุ่รพจรรยาของพวกปุราณชฎิล
ผู้อบรมมาในการบูชาเพลิง
๒.
ข้อธรรมว่า“โลกคือหมู่สัตว์อันชรานาเข้าไปใกล้ ไม่ยั่งยืน” เรียกว่าธรรมอะไร
? ใครแสดงแก่ใคร ?
ตอบ เรียกว่า ธรรมุทเทศ ฯ พระรัฐบาลแสดงถวายแก่พระเจ้าโกรัพยะ
ฯ
๓. พระพุทธองค์ทรงแสดงอนุปุพพีกถาแก่ใครเป็นคนแรก? อนุปุพพีกถานั้นกล่าวถึงเรื่องอะไร
?
ตอบ แสดงแก่ยสกุลบุตรเป็นคนแรก ฯ
กล่าวพรรณนาทานการให้ แล้วพรรณนา ศีลความรักษากายวาจาเรียบร้อย พรรณนาสวรรค์คือกามคุณที่บุคคลใคร่
ซึ่งจะพึงได้พึงถึงด้วยกรรมอันดีคือทานและศีล พรรณนาโทษแห่งกาม และพรรณนาอานิสงส์แห่งความออกไปจากกาม
ฯ
๔.
พระสาวกผู้แสดงความไม่ต่างกันแห่งวรรณะ ๔ เหล่า คือใคร ? แสดงแก่ใคร ? ที่ไหน ? พระสูตรนั้นชื่ออะไร
?
ตอบ พระมหากัจจายนะเป็นผู้แสดง ฯ
แก่พระเจ้ามธุรราช อวันตีบุตร ฯ ที่คุนธาวัน แขวงมธุรราชธานี ฯ สูตรนั้นชื่อว่า มธุรสูตร
ฯ
๕.
ยสกุลบุตรได้ฟังธรรมอะไรจากพระศาสดาเป็นครั้งแรก ? ณ ที่ไหน ?
ตอบ
ได้ฟัง อนุปุพพีกถำ และอริยสัจ ๔ ฯ ณ ป่ำอิสิปตนมฤคทำยวัน
แขวงเมืองพำรำณสี ฯ
๖. พระพุทธโอวาทว่า เราจะไม่ละสติที่ไปในกาย คือพิจารณาร่างกายเป็นอารมณ์ ดังนี้
พระองค์ตรัสกะสาวกรูปใด ? พระสาวกรูปนั้นเป็นเอตทัคคะในทางใด
?
ตอบ
พระมหำกัสสปะ ฯ เป็นเอตทัคคะในทำงถือธุดงค์
ฯ
๗.
พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมโปรดพระโมฆราชด้วยเรื่องอะไร ? มีความหมาย อย่างไร ?
ตอบ ด้วยเรื่องสุญญตำนุปัสสนำ ฯ
มีควำมหมำยว่ำ ให้พิจำรณำเห็นโลกโดยควำมเป็นของว่ำงเปล่ำ ถอนควำมเห็นว่ำเป็นตัวตนของเรำเสีย
ฯ
๘.
พระปัญจวัคคีย์ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์พร้อมกัน แต่พระอัญญาโกณฑัญญะได้รับยกย่องเป็นปฐมสาวก
เพราะเหตุ
?
ตอบ
เพราะพระอัญญาโกณฑัญญะเป็นผู้ได้ดวงตาเห็นธรรมก่อนและได้รับอุปสมบทก่อนองค์อื่น ฯ
๙.
เอหิภิกขุอุปสัมปทาที่ประทานแก่พระปัญจวัคคีย์และพระยสะต่างกันอย่างไร ? เพราะเหตุไร ?
ตอบ
ต่างกัน คือ ที่ประทานแก่พระปัญจวัคคีย์มีคาว่า เพื่อทาที่สุดทุกข์โดยชอบ ส่วนที่ประทานแก่พระยสะไม่มีคาว่า
เพื่อทาที่สุดทุกข์โดยชอบ ฯ เพราะพยสะได้ถึงที่สุดทุกข์แล้ว ฯ
๑๐.
พระสาวกผู้สาเร็จเป็นพระอริยบุคคลเพราะฟังธรรมเทศนาเรื่องเดียวซ้า ๒ ครั้ง คือใคร
? ธรรมเทศนาเรื่องอะไร ?
ตอบ
คือ พระยสะฯ เรื่อง อนุปุพพีกถาและอริยสัจ ๔ ฯ
๑๑.
อนัตตลักขณสูตร และ อาทิตตปริยายสูตร ว่าด้วยเรื่องอะไร
? ทรงแสดงแก่ใคร ?
ตอบ อนัตตลักขณสูตร ว่าด้วยเรื่อง ขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร
วิญญาณ เป็นอนัตตา ทรงแสดงแก่พระปัญจวัคคีย์
อาทิตตปริยายสูตร
ว่าด้วยเรื่อง สิ่งทั้งปวงเป็นของร้อน ร้อนเพราะไฟคือราคะโทสะโมหะ ฯ ทรงแสดงแก่ชฎิล
๓ พี่น้อง พร้อมด้วยบริวาร ๑,๐๐๐ คน ฯ
๑๒.
อุปติสสปริพาชกเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเพราะได้ฟังธรรมจากใคร
? มีใจความว่าอย่างไร
ตอบ
จากพระอัสสชิ ฯ มีใจความว่า พระศาสดาทรงแสดงความเกิดแห่งธรรมทั้งหลาย เพราะเป็นไปแห่งเหตุ
และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น เพราะดับแห่งเหตุ พระศาสดาตรัสอย่างนี้ ฯ
๑๓.
พระอัญญาโกณฑัญญะ ชื่อเดิมว่าอะไร ? เกิดที่ไหน ? เรียนจบอะไร ? ทาไมจึงได้ชื่ออัญญาโกณฑัญญะ ?
ตอบ
ชื่อเดิมว่าโกณฑัญญะ ฯ เกิดที่บ้านพราหมณ์ชื่อโทณวัตถุ อยู่ไม่ห่างจากกรุงกบิลพัสดุ์
ฯ เรียนจบไตรเพทและรู้ตาราทานายลักษณะ ฯ
เพราะอาศัยพระอุทานว่า
อญฺญาสิ ที่แปลว่า ได้รู้แล้ว ที่พระผู้มี พระภาคเจ้าทรงเปล่งเมื่อท่านโกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรม
ฯ
๑๔.
ธรรมุทเทศ มีอะไรบ้าง ? ใครแสดงแก่ใคร ?
ตอบ
มี ๑. โลกคือหมู่สัตว์ อันชรานาเข้าไปใกล้
ไม่ยั่งยืน
๒. โลกคือหมู่สัตว์ ไม่มีผู้ป้องกัน ไม่เป็นใหญ่จาเพาะตน
๓. โลกคือหมู่สัตว์ ไม่มีอะไรเป็นของ ๆ ตน จาต้องละทิ้งสิ่งทั้งปวงไป
๔. โลกคือหมู่สัตว์ พร่องอยู่เป็นนิตย์ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา ฯ
พระรัฐบาลแสดงถวายพระเจ้าโกรัพยะ ฯ
๑๕.
คาที่มีอยู่ในธัมมจักกัปปวัตตนสูตรต่อไปนี้ ได้แก่อะไร ?
ตอบ
ก.
ส่วนสุด ๒ อย่าง
ข. มัชฌิมาปฏิปทา
๒. ก. ส่วนสุด ๒ อย่ำง คือ
๑. กำมสุขัลลิกำนุโยค ควำมหมกมุ่นอยู่ในกำม
๒. อัตตกิลมถำนุโยค ควำมทำตนให้ลำบำก
ข. มัชฌิมำปฏิปทำ ได้แก่ข้อปฏิบัติสำยกลำง คือ มรรคมีองค์ ๘ ฯ
๑๖. พระศาสดาทรงประทานพระโอวาทเป็นการให้อุปสมบทแก่พระมหากัสสปะไว้ กี่ข้อ
? อะไรบ้าง ?
ตอบ. ๓ ข้อ คือ
๑. เรำจักเข้ำไปตั้งควำมละอำยและควำมยำเกรงอย่ำงแรงกล้ำไว้ในภิกษุ ทั้งที่เป็นเถระ
ปำนกลำง และผู้ใหม่
๒. เรำจักเงี่ยหูลงฟังธรรม อันประกอบด้วยกุศล และพิจำรณำเนื้อควำมแห่งธรรมนั้น
๓. เรำจักไม่ละสติที่ไปในกำย ฯ
ข้อที่ ๓
ว่าด้วยเรื่อง การยกย่อง
๑.
พระสารีบุตรได้รับการสรรเสริญว่าเป็นผู้กตัญญูกตเวที จงเล่าเรื่องมาประกอบ สัก ๑ เรื่อง
เพื่อยืนยันคากล่าวนี้ ?
ตอบ (ให้ตอบเพียง ๑ เรื่อง)
เรื่องที่
๑ พระสารีบุตรนับถือพระอัสสชิเป็นอาจารย์ เมื่ออาจารย์อยู่ใน ทิศใด ก่อนจะนอน ท่านจะนมัสการและนอนหันศีรษะไปทางทิศนั้น
ฯ
เรื่องที่ ๒ ราธพราหมณ์เสียใจมีร่างกายซูบซีด
เพราะไม่ได้อุปสมบทตาม ปรารถนา พระศาสดาทรงทราบความแล้วตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า มีใคร
ระลึกถึงอุปการะของราธะได้บ้าง, พระสารีบุตรทูลว่า ราธพราหมณ์ เคยถวายภิกษาแก่ท่านทัพพีหนึ่ง
พระศาสดาตรัสสรรเสริญว่าเป็นผู้กตัญญู ดีนัก อุปการะเพียงเท่านี้ก็ยังจาได้ ฯ
๒.
มารยาทดีมีความสารวมย่อมเป็นศรีของสมณะ สามารถจะปลูกศรัทธาเลื่อมใสให้เกิดแก่ผู้พบเห็น
นี่เป็นปฏิปทาจริยาวัตรของพระสาวกรูปใด ? จงเล่าประวัติของท่านโดยย่อ
?
ตอบ. ของพระอัสสชิเถระ ฯ
ท่ำนเป็นหนึ่งในพระปัญจวัคคีย์ ได้ฟังพระธรรมเทศนำจนได้บรรลุพระอรหัตแล้ว
ได้เป็นกำลังในกำรประกำศพระศำสนำ อุปติสสปริพำชกพบเห็นแล้วเกิดควำมเลื่อมใส ขอฟังธรรมจำกท่ำน
แล้วได้เข้ำมำบวชในพระพุทธศำสนำ ฯ
๓.. พระสาวกผู้ได้รับยกย่องว่าเป็นผู้มีบริวารมากคือใคร ? ท่านมีบริวารมากเพราะเหตุไร ?
ตอบ. พระอุรุเวลกัสสปะ ฯ เพรำะท่ำนรู้จักเอำใจบริษัท รู้จักสงเครำะห์ด้วยอำมิสบ้ำง
ด้วยธรรมบ้ำง
๔. พระปัญจวัคคีย์องค์ไหนบ้างได้ศิษย์ดีมีความสาคัญต่อพระศาสนา ? ศิษย์นั้นชื่ออะไร และเป็นผู้เลิศในทางใด ?
ตอบ
พระอัญญาโกณฑัญญะ ได้พระปุณณนมันตานีบุตรเป็นศิษย์เป็นผู้เลิศในทางธรรมกถึก
พระอัสสชิ ได้พระสารีบุตรเป็นศิษย์
เป็นผู้เลิศในทางมีปัญญามาก ฯ
๕. พรข้อว่า ถ้าจักไม่โปรดให้ข้าพระองค์อยู่ในที่ประทับของพระองค์ และข้อว่า ถ้าพระองค์จะเสด็จไปสู่ที่นิมนต์ที่ข้าพระองค์รับไว้
พระอานนท์ทูลขอเพื่อประโยชน์อะไร ?
ตอบ. ข้อต้น เพื่อป้องกันคาติเตียนว่า
พระอานนท์บารุงพระศาสดาเพราะเห็นแก่ลาภ
ข้อหลัง
เพื่อป้องกันคนกล่าวว่า พระอานนท์บารุงพระศาสดาไปทาอะไร เพราะพระองค์ไม่ทรงอนุเคราะห์แม้ด้วยกิจเท่านี้
ฯ
๖.
พระอัญญาโกณฑัญญะ ใคร่ครวญดูตามประวัติ ความเชื่อถือของท่าน หนักไปทางไหน ในตาราทายลักษณะหรือในอัตตกิลมถานุโยคปฏิบัติ ? ขอฟังเหตุผล
ตอบ. เห็นว่าหนักไปในอัตตกิลมถานุโยคปฏิบัติ เหตุผลคือ เดิมท่านเชื่อตารา แน่ใจ
จึงบวชตามและเฝ้าอุปัฏฐาก ครั้นเห็นทรงเลิกทุกรกิริยา ก็สิ้นหวัง นี่ก็เพราะเชื่อมั่นในอัตตกิลมถานุโยคปฏิบัติว่า
เลิกเสียเป็นอันไม่สาเร็จ เมื่อพระองค์ตรัสบอกว่า สาเร็จแล้ว ก็คัดค้านไม่เชื่อถือ
อาการที่คัดค้าน และพูดถ้อยคาที่แสดงอคารวะนั้น เป็นเครื่องยืนยันความเห็นดังกล่าว
ฯ
๗.
ความเป็นผู้มีบริวารมาก เป็นผลมาจากอะไร ? และดีอย่างไร
? พระสาวกองค์ใดได้รับการยกย่องว่าเลิศในทางนี้ ?
ตอบ
เป็นผลมาจากความรู้จักเอาใจบริษัท รู้จักสงเคราะห์ด้วยอามิสบ้าง ด้วยธรรมบ้าง ฯ
ดีอย่างนี้คือ
ภิกษุผู้ประกอบด้วยคุณสมบัติเห็นปานนี้ ย่อมเป็นผู้อัน บริษัทรักใคร่นับถือ สามารถควบคุมบริษัทไว้อยู่
เป็นผู้อันจะพึงปรารถนา ในสาวกมณฑล ฯ พระอุรุเวลกัสสปะ ฯ
๘.. พระสาวกผู้ปรารภเหตุว่า “ผู้อยู่ครองเรือนต้องคอยนั่งรับบาป
เพราะ การงานที่ผู้อื่นทาไม่ดี” แล้วมีใจเบื่อหน่ายสละทรัพย์สมบัติออกบวช
คือใคร ? ท่านได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่า เป็นผู้เลิศในทางไหน
? เพราะเหตุใด ?
ตอบ. คือ พระมหากัสสปะ ฯ
ท่านได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่า
เป็นผู้เลิศในทางถือธุดงค์ เพราะ ท่านถือธุดงค์ ๓ อย่างเป็นประจา คือ ทรงผ้าบังสุกุลจีวรเป็นวัตร
๑ เที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร ๑ อยู่ป่าเป็นวัตร ๑ ฯ
๙.. พระสาวก ผู้อธิบายภัทเทกรัตตสูตรที่ทรงแสดงโดยย่อให้พิสดาร คือ ใคร
? ท่านได้รับการสรรเสริญจากพระศาสดาว่าอย่างไร ?
ตอบ. คือ พระมหากัจจายนะ ฯ ท่านได้รับสรรเสริญจากพระศาสดาว่า เป็นผู้ฉลาดในการอธิบายคาที่ย่อ
ให้พิสดาร ฯ
๑๐.
ความเป็นผู้สารวมกิริยาอาการให้เรียบร้อยดีงามสมความเป็นสมณะ เป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้ทางหนึ่ง
ในข้อนี้มีปฏิปทาของพระสาวกองค์ใดเป็น ตัวอย่าง ? จงเล่าประวัติโดยสังเขปมาประกอบ
ตอบ. พระอรหันตสำวกทุกรูปล้วนเป็นผู้สำรวมกิริยำอำกำรเรียบร้อยดีงำมทั้งสิ้น แต่ที่ได้รับยกย่องเป็นพิเศษคือพระอัสสชิเถระ
ท่ำนมีกิริยำอำกำรที่น่ำเลื่อมใส เป็นเหตุ ให้อุปติสสะปริพำชกเห็นแล้วเกิดศรัทธำ เข้ำไปหำ
ขอฟังธรรมจนได้บรรลุ โสดำปัตติผล ภำยหลังยังชักชวนสหำยของตนเข้ำมำบวชในพระธรรมวินัย
ได้เป็นกำลังสำคัญช่วยพระศาสดาเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองกว้างขวางและมั่นคงอย่างรวดเร็ว
๑๑.
พระสาวกผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีบริวารมาก คือใคร ? เพราะท่านมีคุณธรรมอะไร ?
ตอบ.คือ พระอุรุเวลกัสสปะ ฯ เพรำะท่ำนรู้จักสงเครำะห์บริวำรด้วยอำมิสบ้ำง ด้วยธรรม
บ้ำง จึงเป็นที่รักใคร่นับถือ สำมำรถยึดเหนี่ยวน้ำใจบริวำรไว้ได้ ฯ
ข้อที่ ๔
ว่าด้วยเรื่อง การอุปสมบท
๑.อนุพุทธที่เป็นสาวกสาวิกาของพระศาสดาซึ่งได้รับการอุปสมบทด้วย
วิธีพิเศษมีบ้างหรือไม่ ? ถ้ามี คือใคร ? อุปสมบทด้วยวิธีใด ?
ตอบ.มี ฯ คือ พระมหากัสสปะ อุปสมบทด้วยวิธีรับพระโอวาท ๓ ข้อ พระนางมหาปชาบดีโคตมี
อุปสมบทด้วยวิธีรับครุธรรม ๘ ประการ ฯ
๒.จงระบุชื่อพระสาวกผู้ที่บวชเพราะเหตุต่อไปนี้
๑.
บวชเพราะศรัทธา ๒. บวชเพราะจาใจ ๓. บวชเพราะหลงไหลในรูป ฯ
ตอบ.๑. บวชเพราะศรัทธา คือ พระรัฐบาล ๒. บวชเพราะจาใจ คือ พระนันทะ ๓. บวชเพราะหลงไหลในรูป คือ
พระวักกลิ ฯ
๓.
พระวาจาที่ตรัสให้อุปสมบทแก่พระอัญญาโกณฑัญญะ และพระยสะ เหมือนกันหรือต่างกัน ? เพราะเหตุไร ?
ตอบ. เหมือนกันตรงที่ทรงรับเข้ามาสู่พรหมจรรย์ ว่า “จงเป็นภิกษุมาเถิด
ธรรม อันเรากล่าวดีแล้ว จงประพฤติพรหมจรรย์เถิด” ต่างกันที่พระอัญญาโกณฑัญญะ
มีพระพุทธดารัสต่อท้ายว่า “เพื่อทาที่สุด ทุกข์โดยชอบ”
เพราะท่านยังไม่บรรลุพระอรหัตต์ ส่วนพระยสะ ไม่มีคาว่า “เพื่อทาที่สุดทุกข์โดยชอบ” เพราะท่านบรรลุ พระอรหัตต์แล้ว
ฯ
๔.พระอัญญาโกณฑัญญะ
กับพระอุรุเวลกัสสปะทูลขอบวชในพระศาสนาโดย มีมูลเหตุความเป็นมาต่างกันอย่างไร ?
ตอบ. ต่างกันอย่างนี้ พระอัญญาโกณฑัญญะได้ธรรมจักษุ คือดวงตาเห็นธรรม ที่ท่านกล่าวว่าเป็นพระโสดาบัน
มีศรัทธาในพระศาสนามั่นคงแล้ว จึงขอบวช ฯ พระอุรุเวลกัสสปะได้ปรีชาหยั่งเห็นว่าลัทธิของตนหาแก่นสารไม่ได้
หลงถือตนว่า เป็นผู้วิเศษ แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ ได้ความสลดใจจึง ลอยบริขารชฎิลของตนเสียแล้วจึงขอบวช
ฯ
๕.
พระมหากัสสปะได้รับอุปสมบทแล้วนานเท่าไรจึงบรรลุพระอรหัต ? พระโอวาทข้อว่า “เราจะไม่ละสติที่ไปในกาย คือพิจารณาร่างกายเป็น
อารมณ์” สงเคราะห์เข้าในธรรมข้อใดบ้าง ?
ตอบ. ๘ วัน ฯ สงเคราะห์เข้าใน กายคตาสติ และ วิปัสสนาญาณ เป็นต้น ฯ
๖.
พระอัญญาโกณฑัญญะมีมูลเหตุจูงใจอะไร จึงได้ออกบวชตามอุปัฏฐากพระมหาบุรุษขณะบาเพ็ญทุกรกิริยา ?
ตอบ.เพรำะได้เคยเข้ำร่วมทำนำยพระลักษณะของพระมหำบุรุษโดยเชื่อมั่นว่ำจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้ำ
จึงตำมอุปัฏฐำกด้วยหวังว่ำ เมื่อพระมหำบุรุษตรัสรู้จักทรงเทศนำโปรด ฯ
๗.
การบวชของพระมหากัจจายนะ มีความเป็นมาอย่างไร ?
ตอบ. มีความเป็นมาอย่างนี้ ท่านได้รับมอบหมายจากพระเจ้าจัณฑปัชโชตให้ไปทูลเชิญพระพุทธเจ้าเสด็จกรุงอุชเชนี
จึงทูลลาบวชด้วย ครั้นได้เข้าเฝ้าฟังธรรมแล้ว บรรลุพระอรหัต จึงทูลขอบวช ฯ
๘.
พระอุรุเวลกัสสปะบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เพราะเหตุใด ? พระพุทธองค์ทรงพาท่านไปกรุงราชคฤห์ด้วย เพราะทรงมีพุทธประสงค์อย่างไร
?
ตอบ. พระอุรุเวลกัสสปะเห็นอภินิหารของพระพุทธองค์หลายประการ จนถอนทิฏฐิมานะของตน
เห็นว่าลัทธิของตนหาแก่นสารมิได้ และตนก็มิได้เป็นผู้วิเศษ ได้ความสลดใจ จึงทูลขออุปสมบท
ฯ
ทรงมีพุทธประสงค์จะปลูกศรัทธาแก่มหาชน
เพราะท่านเป็นที่นับถือของมหาชนมานาน ฯ
๙. ชฏิล ๒ พี่น้อง
ต่างละลัทธิของตน บวชเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา เพราะเหตุใด ?
ตอบ. อุรุเวละกัสสปะ ถือตัวว่าเป็นผู้วิเศษ แต่พระพุทธเจ้าทรงใช้อิทธิปาฏิหารย์และอาเทสนาปาฏิหารย์ทรมาณจนถอนทิฏฐิมานะ
ได้ปรีชาหยั่งเห็นว่าลัทธิของตนหาแก่นสารมิได้ ตนมิได้เป็นผู้วิเศษแต่ประการใด
ได้ความสลดใจ จึงทูลขออุปสมบท
ส่วนนทกัสสปะ และคยากัสสปะ
เห็นพี่ชายถือเพศเป็นภิกษุ ถามทราบความว่า พรหมจรรย์นี้ประเสริฐ จึงเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
ทูลขออุปสมบท
ข้อที่๕ ว่าด้วยเรื่องพระปัญจวัคคีย์และบุคคลที่ควร
๑.พระปัญจวัคคีย์องค์ไหนบ้างได้ศิษย์ดีมีความสาคัญต่อพระศาสนา ? ศิษย์นั้นชื่ออะไร และเป็นผู้เลิศในทางใด ?
ตอบ. พระอัญญาโกณฑัญญะ ได้พระปุณณนมันตานีบุตรเป็นศิษย์เป็นผู้เลิศในทางธรรมกถึก
พระอัสสชิ ได้พระสารีบุตรเป็นศิษย์
เป็นผู้เลิศในทางมีปัญญามาก ฯ
๒. พระปัญจวัคคีย์ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์พร้อมกัน แต่พระอัญญาโกณฑัญญะได้รับยกย่องเป็นปฐมสาวก
เพราะเหตุ ?
ตอบ. เพราะพระอัญญาโกณฑัญญะเป็นผู้ได้ดวงตาเห็นธรรมก่อนและได้รับอุปสมบทก่อนองค์อื่น
ฯ
๓. เอหิภิกขุอุปสัมปทาที่ประทานแก่พระปัญจวัคคีย์และพระยสะต่างกันอย่างไร
? เพราะเหตุไร ?
ตอบ. ต่างกัน คือ ที่ประทานแก่พระปัญจวัคคีย์มีคาว่า เพื่อทาที่สุดทุกข์โดยชอบ
ส่วนที่ประทานแก่พระยสะไม่มีคาว่า เพื่อทาที่สุดทุกข์โดยชอบ ฯ เพราะพยสะได้ถึงที่สุดทุกข์แล้ว
ฯ
๔.
พระอัญญาโกณฑัญญะ ชื่อเดิมว่าอะไร ? เกิดที่ไหน ? เรียนจบอะไร ? ทาไมจึงได้ชื่ออัญญาโกณฑัญญะ ?
ตอบ. ชื่อเดิมว่าโกณฑัญญะ ฯ เกิดที่บ้านพราหมณ์ชื่อโทณวัตถุ
อยู่ไม่ห่างจากกรุงกบิลพัสดุ์ ฯ เรียนจบไตรเพทและรู้ตาราทานายลักษณะ ฯ
เพราะอาศัยพระอุทานว่า
อญฺญาสิ ที่แปลว่า ได้รู้แล้ว ที่พระผู้มี พระภาคเจ้าทรงเปล่งเมื่อท่านโกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรม
ฯ
๕.
พระอัญญาโกณฑัญญะ ใคร่ครวญดูตามประวัติ ความเชื่อถือของท่าน
หนักไปทางไหน ในตาราทายลักษณะหรือในอัตตกิลมถานุโยคปฏิบัติ ? ขอฟังเหตุผล
ตอบ.เห็นว่าหนักไปในอัตตกิลมถานุโยคปฏิบัติ เหตุผลคือ เดิมท่านเชื่อตารา แน่ใจ
จึงบวชตามและเฝ้าอุปัฏฐาก ครั้นเห็นทรงเลิกทุกรกิริยา ก็สิ้นหวัง นี่ก็เพราะเชื่อมั่นในอัตตกิลมถานุโยคปฏิบัติว่า
เลิกเสียเป็นอันไม่สาเร็จ เมื่อพระองค์ตรัสบอกว่า สาเร็จแล้ว ก็คัดค้านไม่เชื่อถือ
อาการที่คัดค้าน และพูดถ้อยคาที่แสดงอคารวะนั้น เป็นเครื่องยืนยันความเห็นดังกล่าว
ฯ
๖.
ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ท่าน ได้ดวงตาเห็นธรรมก่อนหลังกันอย่างไร ?
ตอบ. ท่านโกณฑัญญะ ได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นองค์แรก ต่อมาท่านวัปปะและท่านภัททิยะจึงได้
และต่อมาท่านมหานามะและท่านอัสสชิจึงได้ตามลาดับ ฯ
๗.
เศรษฐีบิดาพระยสะออกติดตามหาพระยสะให้กลับบ้าน แต่เหตุไฉนเมื่อพบแล้วจึงมิได้นากลับไปตามความประสงค์เดิม ?
ตอบ. เพราะได้ทราบว่า พระยสะบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ไม่ควรเพื่อจะกลับไปครองเรือนอีกต่อไป
ควรจะออกบวชเป็นพระภิกษุ ๘.พระยสะมีมารดาบิดาตั้งภูมิลาเนาอยู่ที่ไหน ? ออกบวชเพราะเหตุไร ?
ตอบ. อยู่ที่เมืองพาราณสี ใกล้ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ฯ
เพราะมีความเบื่อหน่ายในการครองฆราวาส
เนื่องจากได้เห็นอาการของ พวกชนบริวารอันวิปริตไปโดยอาการต่างๆ ไม่เป็นที่ตั้งแห่งการยังจิตให้
เพลิดเพลิน จึงได้เดินออกจากเรือนไปพบพระพุทธองค์ได้ฟังพระธรรมเทศนา จนบรรลุเป็นพระอรหันต์
จึงได้ออกบวช
๙.
เมื่อเอ่ยถึง พระสารีบุตร ทาให้นึกถึงพระสาวกอีกองค์หนึ่ง คือใคร ? ท่านได้บรรลุพระอรหัตและนิพพานที่ไหน ? ก่อนหรือหลังพระสารีบุตร
กี่วัน ?
ตอบ. คือพระโมคคัลลานะ ฯ
ท่านได้บรรลุพระอรหัตที่บ้านกัลลวาลมุตตคาม
แขวงมคธ ก่อนพระ สารีบุตร ๘ วัน และนิพพานที่ตาบลกาฬศิลา แขวงมคธ หลังพระสารีบุตร ๑๕
วัน ฯ
๑๐. ธรรมเสนาบดี
และ นวกัมมาธิฏฐายี เป็นนามของพระสาวกองค์ใด ? เพราะเหตุไร จึงมีนามเช่นนั้น
?
ตอบ.ธรรมเสนำบดี เป็นนำมของพระสำรีบุตรเถระ เพรำะท่ำนเป็นกำลังสำคัญยิ่งในกำร ประกำศพระพุทธศำสนำ
ฯ นวกัมมำธิฏฐำยี เป็นนำมของพระโมคคัลลำนเถระ เพรำะท่ำนเป็นผู้สำมำรถกำกับดูแลกำรก่อสร้ำง
ฯ
๑๑.พระมหากัจจายนะ
นิพพานก่อนหรือหลังพระพุทธเจ้า ? มีอะไรเป็นข้ออ้าง
?
ตอบ.พระมหำกัจจำยนะ นิพพำนหลังพระพุทธเจ้ำ มีมธุรสูตรเป็นข้ออ้ำง โดยมี ใจควำม
ตอนหนึ่งในพระสูตรนั้นว่ำ พระเจ้ำมธุรรำชตรัสถำมว่ำ เดี๋ยวนี้ พระผู้มีพระภำค เจ้ำ
นั้นเสด็จอยู่ ณ ที่ไหน พระมหำกัจจำยนะทูลว่ำ พระผู้มีพระภำคเจ้ำปรินิพพำนแล้ว
ข้อที่ ๖
ว่าด้วยเรื่อง การทูลถามพรพุทธเจ้า
๑.
อาจารย์ผู้ผูกปัญหาให้ศิษย์ ๑๖ คนไปทูลถามพระพุทธเจ้า ชื่ออะไร ? ทั้งอาจารย์และศิษย์ฟังพุทธพยากรณ์แล้วได้บรรลุผลอะไร ?
ตอบ. พราหมณ์พาวรี ฯ ปิงคิยมาณพได้ดวงตาเห็นธรรม ฯ ศิษย์อีก ๑๕ คน ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์
ฯ ส่วนอาจารย์ได้บรรลุเสขภูมิ
๒.พระโมฆราชทูลถามปัญหาพระพุทธองค์เป็นคนที่เท่าไร ? เพราะเหตุไร ?
ตอบ. เป็นคนที่ ๑๕ ฯ เพราะครั้งแรกเห็นว่าท่านอชิตมาณพเป็นผู้ใหญ่กว่าจึงยอมให้ถามก่อน
แต่เมื่อปรารภจะทูลถามเป็นคนที่ ๒ และคนที่ ๙ ถูกพระพุทธองค์ทรงห้ามไว้ให้รอก่อน จึงได้โอกาสทูลถามเป็นคนที่
๑๕ ฯ
๓.คาถามว่า “ข้าพเจ้าจักพิจารณาเห็นโลกอย่างไร มัจจุราชจึงจักไม่แลเห็น” ใครเป็นผู้ทูลถาม ? พระศาสดาทรงพยากรณ์ไว้อย่างไร
?
ตอบ. พระโมฆราชเป็นผู้ทูลถาม ฯ
พระศาสดาทรงพยากรณ์ว่า ท่านจงเป็นคนมีสติ
พิจารณาเป็นโลกโดยความเป็นของว่างเปล่า ถอนความตามเห็นว่าตัวของเราเสียทุกเมื่อเถิด
ท่านจักข้ามล่วงมัจจุราชเสียได้ด้วยอุบายอย่างนี้ ท่านพิจารณาเห็นโลกอย่างนี้แล มันจุราชจึงไม่แลเห็นเห็นฯ
๔.
“โลกมีอะไรผูกพันไว้ อะไรเป็นเครื่องสัญจรของโลกนั้น ท่านกล่าวกันว่า
นิพพานๆ ดังนี้ เพราะละอะไรได้ ?” ปัญหานี้ใครทูลถาม
?
ตอบ. อุทยมาณพเป็นผู้ทูลถาม ฯ
ข้อที่ ๗
ว่าด้วยเรื่อง อื่นๆ
๑.พระเจ้าพิมพิสารทรงถวายพระราชอุทยานเวฬุวันแด่พระภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน
เพราะทรงพิจารณาเห็นอย่างไร ? และทรงถวายด้วยวิธีการอย่างไร
?
ตอบ. เพราะทรงเห็นว่า พระราชอุทยานเป็นที่ไม่ไกลไม่ใกล้นักแต่บ้าน บริบูรณ์ด้วยทางเป็นที่ไปและทางเป็นที่มา
ควรที่ผู้มีธุระจะควรไปถึง กลางวันไม่เกลื่อนกล่นด้วยหมู่คน กลางคืนเงียบเสียงที่จะอื้ออึงกึกก้อง
ปราศจากลมแต่ชนที่เดินเข้าออก สมควรเป็นที่ประกอบกิจของผู้ต้องการเป็นที่สงัด และควรเป็นที่หลีกออกเร้นอยู่ตามวิสัยสมณะ
ควรเป็นที่เสด็จอยู่ของพระศาสดาฯ
ทรงถวายด้วยการหลั่งน้าจากพระเต้าทองฯ
๒.“คนเหล่านี้ทั้งหมดยังไม่ทันถึง ๑๐๐ ปี ก็จักไม่มีเหลือ จักล่วงไปหมด ดูการเล่นไม่มีประโยชน์อะไร
ควรขวนขวายหาธรรมเครื่องพ้นดีกว่า” นี้เป็นคาพูดของใคร
? พูดกะใคร ?
ตอบ. ของอุปติสสมานพ ฯ พูดกะโกลิตมาณพฯ
๓.ในอสีติมหาสาวก
มีองค์ไหนบ้างมีความสัมพันธ์เป็นศิษย์และอาจารย์กัน ? จงบอกมาสัก ๒ คู่
ตอบ
เพียง ๒ คู่
พระอัญญาโกณฑัญญธกับพระปุณณมันตานีบุตร
พระอัสสชิกับพระสารีบุตร
พระสารีบุตรกับพระราธะ
พระสารีบุตรกับพระราหุล พระมหากัจจายนะกับพระโสณกุฏิกัณณะ
ข้อที่ ๘
ว่าด้วยเรื่อง การสังคายนา
๑.
การทาสังคายนาก่อให้เกิดคุณประโยชน์แก่พระศาสนาอย่างไรบ้าง ?
ตอบ. ให้เกิดคุณประโยชน์อย่างนี้
กาจัดและป้องกันอลัชชีได้ ทาความเห็นพุทธศาสนิกให้ถูกต้องและปฏิบัติถูกต้องได้
และทาให้พระศาสนามั่นคงและแพร่หลายยิ่งขึ้น
๒.
พระมหากัสสปเถระเป็นประธานในการทาสังคายนาครั้งแรกที่ไหน
? ใช้เวลานานเท่าไร ?
ตอบ. ที่ถ้าสัตตบัณณคูหา เวภารบรรพต กรุงราชคฤห์ ฯ ใช้เวลา
๗ เดือน ฯ
ข้อที่ ๙
ว่าด้วยเรื่อง การเผยแพร่ธรรม
๑. พระมหากัจจายนะเคยได้รับมอบหมายจากพระพุทธเจ้าให้ไปเผยแผ่พระศาสนาแทนพระองค์เมื่อครั้งไหน
? ได้ผลอย่างไร ?
ตอบ. เมื่อครั้งที่ท่ำนบรรลุพระอรหัต และอุปสมบทเป็นภิกษุแล้ว ได้ทูลเชิญพระพุทธเจ้ำให้เสด็จไปกรุงอุชเชนี
เพื่อประกำศพระศำสนำตำมพระรำชประสงค์ของพระเจ้ำจัณฑปัชโชต แต่พระพุทธเจ้ำรับสั่งให้ท่ำนไปแทน
ฯ พระเจ้ำจัณฑปัชโชตและชำวพระนครเลื่อมใสในพระพุทธศำสนำ ฯ
อ่านง่ายเข้าใจง่าย/สาธุ
ตอบลบช่วยให้มีความเข้าใจและมีความมุ่งมั่นที่จะค้นคว้ามาเพิ่มเติมยิ่งๆขึ้นไปครับ.
ตอบลบพระมหาปูชนียาจารย์.พระณรงค์ชัย เปลี่ยนน้อย.เบิร์ด
ตอบลบได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน ดีมากๆ
ตอบลบพระอนุพุทธองค์แรก คือใคร? ได้ดวงตาเห็ได้ดวงตาเห็นธรรมเพราะฟังธรรมเทศนาชื่ออะไร?
ตอบลบ#บอกทีครับโผม
พระอัญญาโกณฑัญญะ ฟังธรรมชื่อ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
ลบพระมหาปูชนียาจารย์.พระมหาณรงค์ชัย เปลี่ยนน้อย.ถนน.เบิร์ด.วชิรชโย.ทหารผ่านศึกเฟซบุ๊กไทย.วิกิพีเดียเกิดวันพุธที่3กุมภาพันธ์.พ.ศ.2531.นักธรรม
ตอบลบพระมหาปูชนียาจารย์.พระมหาณรงค์ชัยเปลี่ยนน้อย.ถนน.เบิร์ด.วชิรชโยทหารผ่านศึกเฟซบุ๊กไทย.วิกิพีเดียเกิดวันพุธที่ผ่านมา3กุมภาพันธ์.พ.ศ.2531
ตอบลบ