วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2559

วิชา กระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นโท

๑.  อัตตวรรค  คือ  หมวดตน

                   ๑.    อตฺตทตฺถํ  ปรตฺเถน              พหุนาปิ  น  หาปเย
                          อตฺตทตฺถมภิญฺญาย               สทตฺถปสุโต  สิยา
                   บุคคลไม่ควรพล่าประโยชน์ของตน  เพราะประโยชน์ผู้อื่นแม้มาก 
                   รู้จักประโยชน์ของตนแล้ว   พึงขวนขวายในประโยชน์ของตน
                   ( พุทธ )                                                         ขุ.  ธ.   ๒๕ / ๓๗.

                   ๒.    อตฺตานญฺเจ  ตถา  กยิรา        ยถญฺญมนุสาสติ
                          สุทนฺโต  วต  ทเมถ               อตฺตา  หิ  กิร  ทุทฺทโม.
                   ถ้าสอนผู้อื่นฉันใด  พึงทำตนฉันนั้น  ผู้ฝึกตนดีแล้ว  ควรฝึกผู้อื่น  ได้ยินว่า 
                   ตนแลฝึกยาก
                    ( พุท)                                                        ขุ.   ๒๕ / ๓๖.

                   ๓.    อตฺตานเมว  ปฐมํ                   ปฏิรูเป  นิเวสเย
                          อถญฺญมนุสาเสยฺย                   น  กิลิสฺเสยฺย  ปณฺฑิโต
                   บัณฑิตพึงตั้งตนไว้ในคุณอันสมควรก่อน  สอนผู้อื่นภายหลังจึงไม่มัวหมอง
                          ( พุทธ )                                                  ขุ.  ธ.   ๒๕ / ๓๖.

 ๒.   กัมมวรรค  คือ  หมวดกรรม

                   ๔.    อติสีตํ  อติอุณฺหํ                   อติสายมิทํ  อหุ
                          อิติ  วิสฺสฏฺฐกมฺมนฺเต             อตฺถา  อจฺเจนฺติ  มาณเว
                   ประโยชน์ทั้งหลายย่อมล่วงเลยคนผู้ทอดทิ้งการงาน    ด้วยอ้างว่าหนาวนัก  
                   ร้อนนัก      เย็นเสียแล้ว.
                   ( พุทธ )                                                ที.  ปาฏิ.  ๑๑ / ๑๙๙ .

                   ๕.    อถ  ปาปานิ  กมฺมานิ            กรํ  พาโล  น  พุชฌติ
                          เสหิ  กมฺเมหิ  ทุมฺเมโธ           อคฺคิทฑฺโฒว  ตปฺปติ
                   เมื่อคนโง่มีปัญญาทราม  ทำกรรมชั่วอยู่ก็ไม่รู้สึก  เขาเดือดร้อน 
                   เพราะกรรมของตน       เหมือนถูกไฟไหม้
                   ( พุทธ )                                                         ขุ.  ธ.   ๒๕ / ๓๓.
                  
                   ๖.    ยาทิสํ  วปเต  พีชํ                 ตาทิสํ  ลภเต  ผลํ
                          กลฺยาณการี  กลฺยาณํ            ปาปการี  จ  ปาปกํ
                   บุคคลหว่านพืชเช่นใด  ย่อมได้ผลเช่นนั้น  ผู้ทำกรรมดี  ย่อมได้ผลดี 
                   ผู้ทำกรรมชั่ว      ย่อมได้ผลชั่ว
                   ( พุทธ )                                                         สํ.   ส.  ๑๕ / ๓๓๓.

                   ๗.    โย  ปุพฺเพ  กตกลฺยาโณ         กตตฺโถ  นาวพุชฺฌติ
                          อตฺถา  ตสฺส  ปลุชฺชนฺติ          เย  โหนฺติ  อภิปตฺถิตา
                   ผู้ใด  อันผู้อื่นทำความดี  ทำประโยชน์ให้ในกาลก่อน  แต่ไม่รู้สึก 
                   (คุณของเขา)    ประโยชน์ที่ผู้นั้นปรารถนาย่อมฉิบหาย
                   ( ทฬหธมมโพธิสตต )                      ขุ.   ชา.  สตตก.  ๒๗ / ๒๒๘ .

                   ๘.    โย  ปุพฺเพ  กตกลฺยาโณ          กตตฺโถ  มนุพุชฺฌติ
                          อตฺถา  ตสฺส  ปวฑฺฒนฺติ         เย  โหนฺติ  อภิปตฺถิตา
                   ผู้ใด  อันผู้อื่นทำความดี  ทำประโยชน์ให้ในกาลก่อน  ย่อมสำนึก 
                   (คุณของเขา)  ได้       ประโยชน์ที่ผู้นั้นปรารถนาย่อมเจริญ
                   ( ทฬหธมมโพธิสตต )                      ขุ.   ชา.  สตตก.  ๒๗ / ๒๒๘ .

                   ๙.    โย  ปุพฺเพ  กรณียานิ             ปจฺฉา  โส  กาตุมิจฺฉติ
                         วรุณกฏฺฐํ  ภญฺโชว                ส  ปจฺฉา  อนุตปฺปติ
                   ผู้ใด  ปรารถนาทำกิจที่ควรทำก่อนในภายหลัง  ผู้นั้น  ย่อมเดือดร้อนในภายหลัง        
                   ดุจมาณพ  (ผู้ประมาทแล้วรีบ)  หักไม้กุ่มฉะนั้น
                   ( โพธิสตต )                                           ขุ.   ชา.  เอก.   ๒๗ / ๒๓.

                   ๑๐.  สเจ  ปุพฺเพกตเหตุ                สุขทุกฺขํ  นิคจฺฉติ
                          โปราณกํ  กตํ  ปาปํ              ตเมโส  มุญฺจเต  อิณํ
                   ถ้าประสพสุขทุกข์  เพราะบุญบาปที่ทำไว้ก่อนเป็นเหตุ 
                   ชื่อว่าเปลื้องบาปเก่าที่ทำไว้ ดุจเปลื้องหนี้ฉะนั้น
                   ( โพธิสตต )                                           ขุ.   ชา.ปญญส.   ๒๘ / ๒๕.

                   ๑๑.  สุขกามานิ  ภูตานิ                โย  ทณฺเฑน  วิหึสติ
                          อตฺตโน  สุขเมสาโน               เปจฺจ  โส  น  ลภเต  สุขํ
                   สัตว์ทั้งหลายย่อมต้องการความสุข  ผู้ใดแสวงหาสุขเพื่อตน 
                   เบียดเบียนเขาด้วยอาชญา       ผู้นั้นละไปแล้ว  ย่อมไม่ได้สุข
                   ( พุท)                                                         ขุ๒๕ / ๓๒       

                   ๑๒. สุขกามานิ  ภูตานิ                 โย  ทณเฑน  น  หึสติ
                          อตฺตโน  สุขเมสาโน               เปจฺจ  โส  ลภเต  สุขํ
                   สัตว์ทั้งหลายย่อมต้องการความสุข  ผู้ใดแสวงหาสุขเพื่อตน 
                   ไม่เบียดเบียนเขาด้วยอาชญา       ผู้นั้นละไปแล้ว  ย่อมได้สุข
                   ( พุทธ )                                                         ขุ.  ธ.  ๒๕ / ๓๒

๔.  ขันติวรรค  คือ  หมวดอดทน
                   ๑๓.  อตฺตโนปิ  ปเรสญฺจ               อตฺถาวโห  ว  ขนฺติโก
                          สคฺคโมกฺขคมํ  มคฺคํ               อารุฬฺโห  โหติ  ขนฺติโก
                   ผู้มีขันติ  ชื่อว่านำประโยชน์มาให้ทั้งแก่ตนทั้งแก่ผู้อื่น 
                   ผู้ที่มีขันติชื่อว่าเป็นผู้ขึ้นสู่ทางไปสวรรค์และนิพพาน
                                                                                      ส.  ม.   ๒๒๒.
                   ๑๔.  เกวลานํปิ  ปาปานํ               ขนฺติ  มูลํ  นิกนฺตติ
                          ครหกลหาทีนํ                      มูลํ  ขนติ  ขนติโก
                   ขันติ  ย่อมตัดรากแห่งบาปทั้งสิ้น  ผู้มีขันติชื่อว่าย่อมขุดรากแห่งความติเตียน
                   และการทะเลาะกันเป็นต้นได้
                                                                             ส.  ม.   ๒๒๒
                   ๑๕.  ขนฺติโก  เมตฺตวา                  ลาภี  ยสสฺสี  สุขสีลวา
                          ปิโย  เทวมนุสฺสานํ                มนาโป  โหติ  ขนฺติโก
                   ผู้มีขันตินับว่ามีเมตตา  มีลาภ  มียศ  และมีสุขเสมอ 
                   ผู้มีขันติเป็นที่รักที่ชอบใจของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
                                                                             ส.   ม.  ๒๒๒

                   ๑๖.  สตฺถุโน  วจโนวาทํ                กโรติเยว  ขนฺติโก
                          ปรมาย  จ  ปูชาย                ชินํ  ปูเชติ  ขนฺติโก
                   ผู้มีขันติ  ชื่อว่าทำตามคำสอนของพระศาสดา 
                   และผู้มีขันติชื่อว่าบูชาพระชินเจ้าด้วยบูชาอันยิ่ง
                                                                             ส. ม.   ๒๒๒

                   ๑๗.สีลสมาธิคุณานํ                      ขนฺติ  ปธานการณํ
                          สพฺเพปิ  กุสลา  ธมฺมา           ขนฺตฺยาเยว  วฑฺฒนฺติ  เต
                   ขันติเป็นประธาน  เป็นเหตุ  แห่งคุณคือศีลและสมาธิ  กุศลธรรมทั้งปวงย่อมเจริญ  เพราะขันติเท่านั้น
                                                                             .   .   ๒๒๒

 ๕ปัญญาวรรค  คือ  หมวดปัญญา

                   ๑๘อปฺปสฺสุตายํ  ปุริโส               พลิวทฺโทว  ชีรติ
                          มํสานิ  ตสฺส  วฑฺฒนฺติ           ปญฺญา  ตสฺส  น  วฑฺฒติ
                   คนผู้สดับน้อยนี้  ย่อมแก่ไป  เหมือนวัวแก่  อ้วนแต่เนื้อ  แต่ปัญญาไม่เจริญ
                          ( พุท)                                         ขุ.   ๒๕/๓๕.

                   ๑๙ชีวเตวาปิ  สปฺปญฺโญ             อปิ  วิตฺตปริกฺขยา
                          ปญฺญาย  จ  อลาเภน            วิตฺตวาปิ   น  ชีวติ
                   ถึงสิ้นทรัพย์  ผู้มีปัญญาก็เป็นอยู่ได้  แต่อับปัญญาแม้มีทรัพย์ก็เป็นอยู่ไม่ได้
                          ( มหากปปินเถร )                             ขุเถร๒๖/๓๕๐.

                   ๒๐.ปญฺญวา  พุทฺธิสมฺปนฺโน            วิธานวิธิโกวิโท
                          กาลญฺญู  สมยญฺญู  จ            ส  ราชวสตึ  วเส
                   ผู้มีปัญญา  ถึงพร้อมด้วยความรู้  ฉลาดในวิธีจัดการงานรู้กาลและรู้สมัยเขาพึงอยู่ในราชการได้
                   ( พุทธ )                                                ขุ.  ชา.  มหา.  ๒๘ / ๓๓๙.

                   ๒๑.  ปญญา  หิ  เสฏฺฐา  กุสลา  วทนฺติ
                          นกฺขตฺตราชาริว  ตารกานํ
                          สีลํ  สิรี  จาปิ  สตญฺจ  ธมฺโม
                          อนฺวายิกา  ปญฺญวโต  ภวนฺติ
                   คนฉลาดกล่าวว่า  ปัญญาประเสริฐ  เหมือนพระจันทร์ประเสริฐกว่าดาวทั้งหลาย  แม้ศีลสิริและธรรมของสัตบุรุษย่อมไปตามผู้มีปัญญา
                   ( สรภงคโพธิสตต )                       ขุ.  ชา.   จตตาฬีส.  ๒๗ / ๕๔๑.

                   ๒๒.  มตฺตาสุขปริจฺจาคา                ปสฺเส  เจ  วิปุลํ  สุขํ
                          จเช  มตฺตาสุขํ  ธีโร               สมฺปสฺสํ  วิปุลํ  สุขํ
                   ถ้าพึงเห็นสุขอันไพบูลย์  เพราะยอมเสียสละสุขส่วนน้อย  ผู้มีปัญญาเล็งเห็นสุขอันไพบูย์  ก็ควรสละสุขส่วนน้อยเสีย
                   ( พุทธ )                                                ขุ.  ธ.  ๒๕ / ๕๓.

                   ๒๓.  ยสํ  ลทฺธาน  ทุมฺเมโธ            อนตฺถํ  จรติ  อตฺตโน
                          อตฺตโน  จ  ปเรสญฺ  จ           หึสาย  ปฏิปชฺชติ
                   คนมีปัญญาทราม  ได้ยศแล้วย่อมประพฤติสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ตน  ย่อมปฏิบัติเพื่อเบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่น 
                   ( หตถาจริย )                                         ขุ.  ชา.  เอก.  ๒๗ / ๔๐.

                   ๒๔.  ยาวเทว  อนตฺถาย                ญตฺตํ  พาลสฺส  ชายติ
                          หนฺติ  พาลสฺส  สุกฺกํสํ            มุทฺธํ  อสฺส  วิปาตยํ
                   ความรู้เกิดแก่คนพาล  ก็เพียงเพื่อความฉิบหาย  มันทำสมองของเขาให้เขว  ย่อมฆ่าส่วนที่ขาวของคนพาลเสีย
                   ( พุทธ )                                                ขุ.  ธ.  ๒๕ / ๒๔.

                   ๒๕.  โย  จ  วสสสตํ  ชีเว              ทุปฺปญฺโญ  อสมาหิโต
                          เอกาหํ  ชีวิตํ  เสยฺโย            ปญฺญวนฺตสฺส  ฌายิโน
                   ผู้ใดมีปัญญาทราม  มีใจไม่มั่นคง  พึงเป็นอยู่ตั้งร้อยปี  ส่วนผู้มีปัญญาเพ่งพินิจ  มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียว  ดีกว่า
                   ( พุทธ )                                                ขุ.  ธ.  ๒๕ / ๒๙.

๖.  เสวนาวรรค  คือ  หมวดคบหา
                   ๒๖.  อสนฺเต  นูปเสเวยฺย               สนฺเต  เสเวยฺย  ปณฺฑิโต
                          อสนฺโต  นิรยํ  เนนฺติ             สนฺโต  ปาเปนฺติ  สุคตึ
                   บัณฑิตไม่พึงคบอสัตบุรุษ  พึงคบสัตบุรุษ  เพราะอสัตบุรุษย่อมนำไปสู่นรก  สัตบุรุษย่อมให้ถึงสุคติ
                   ( โพธิสตต )                                           ขุ.  ชา.   วีส.  ๒๗ / ๔๓๗.

                   ๒๗.  ตครํ  ว  ปลาเสน                 โย  นโร  อุปนยฺหติ
                          ปตฺตาปิ  สุรภี  วายนฺติ           เอวํ  ธีรูปเสวนา
                   คนห่อกฤษณาด้วยใบไม้  แม้ใบไม้ก็หอมไปด้วยฉันใด  การคบกับนักปราชญ์  ก็ฉันนั้น
                   ( โพธิสตต )                                           ขุ.  ชา.   วีส.  ๒๙ /๔๓๗.

                   ๒๘.  น  ปาปชนสํเสวี                   อจฺจนฺตสุขเมธติ
                          โคธากุลํ  กกณฺฏาว               กลึ  ปาเปติ  อตฺตนํ
                   ผู้คบคนชั่ว  ย่อมถึงความสุขโดยส่วนเดียวไม่ได้  เขาย่อมยังตนให้ประสบโทษ  เหมือนกิ้งก่าเข้าฝูงเหี้ยฉะนั้น
                   ( โพธิสต)                                           ขุชา.   เอก๒๗/๔๖.

                   ๒๙ปาปมิตฺเต  วิวชฺเชตฺวา           ภเชยฺยุตฺตมปุคฺคเล
                          โอวาเท  จสฺส  ติฏฺเฐยฺย          ปตฺเถนฺโต  อจลํ  สุขํ
                   ผู้ปรารถนาความสุขที่มั่นคง  พึงเว้นมิตรชั่วเสีย  คบแต่บุคคลสูงสุด  และพึงตั้งอยู่ในโอวาทของท่าน
                   (  วิมลเถร )                                           ขุ.  เถร.   ๒๖ / ๓๐๙.
                  
                   ๓๐.  ปูติมจฺฉํ  กุสคฺเคน                โย  นโร  อุปนยฺหติ
                          กุสาปิ  ปูติ  วายนฺติ              เอวํ  พาลูปเสวนา
                   คนห่อปลาเน่าด้วยใบหญ้าคา  แม้หญ้าคาก็พลอยเหม็นเน่าไปด้วยฉันใด  การคบกับคนพาลก็ฉันนั้น
                   ( ราชธีตา  )                                  ขุ.  ชา.  มหา.  ๒๘ / ๓๐๓.   

                   ๓๑.  ยาทิสํ  กุรุเต  มิตตํ               ยาทิสญจูปเสวติ,
                          โสปิ  ตาทิสโก  โหติ              สหวาโส  หิ  ตาทิโส
                   คบคนเช่นใดเป็นมิตร  และสมคบคนเช่นใด  เขาก็เป็นคนเช่นนั้น  เพราะการอยู่ร่วมกันย่อมเป็นเช่นนั้น
                   ( โพธิสตต )                                  ขุ.  ชา.  วีส.  ๒๗ / ๔๓๗.

                   ๓๒.  สทฺเธน  จ  เปสเลน  จ
                          ปญฺญวตา  พหุสฺสุเตน  จ
                          สขิตํ  หิ  กเรยฺย  ปณฺฑิโต
                          ภทฺโท  สปฺปุริเสหิ  สงฺคโม
                   บัณฑิต  พึงทำความเป็นเพื่อนกับคนมีศรัทธา  มีศีลเป็นที่รัก  มีปัญญาและเป็นพหุสูต     เพราะการสมาคมกับคนดี  เป็นความเจริญ
                   ( อานนทเถร )                              ขุ.  เถร.   ๒๖/ ๔๐๔.

…………………………    “   …………………………

อักษรย่อบอกนามคัมภีร์
                   อง.        อฏฐก.          องคุตตรนิกาย             อฏฐกนิปาต
                   อง.        จตุกก.                  "                     จตุกกนิปาต
                   อง.        ฉกก.                    "                     ฉกกนิปาต
                   อง.        ติก.                     "                     ติกนิปาต
                   อง.        ทสก.                   "                     ทสกนิปาต
                   อง.        ปญจก.                 "                     ปญจกนิปาต
                   อง.        สตตก.                  "                     สตตกนิปาต
                   ขุ.         อิติ.              ขุททกนิกาย              อิติวุตตก
                   ขุ.         อุ.                       "                     อุทาน
                   ขุ.         ขุ.                       "                     ขุททกปาฐ
                   ขุ.         จริยา.                   "                     จริยาปิฏก
                   ขุ.         จู.                       "                     จูลนิทเทส
                   ขุ.         ชา.   อฏฐก. ขุททกนิกาย ชาตก          อฏฐกนิปาต
                   ขุ.         ชา.    อสีติ. ขุททกนิกาย ชาตก          อสีตินิปาต
                   ขุ.         ชา.   เอก.  ขุททกนิกาย ชาตก          เอกนิปาต
                   ขุ.         ชา.   จตตาฬีส. ขุททกนิกาย ชาตก      จตตาฬีสนิปาต
                   ขุ.         ชา.   จตุกก. ขุททกนิกาย ชาตก          จตุกกนิปาต
                   ขุ.         ชา.   ฉกก. ขุททกนิกาย ชาตก          ฉกกนิปาต
                   ขุ.         ชา.   ตึส.   ขุททกนิกาย ชาตก          ตึสนิปาต
                   ขุ.         ชา.   ติก.   ขุททกนิกาย ชาตก          ติกนิปาต
                   ขุ.         ชา.   เตรส. ขุททกนิกาย ชาตก          เตรสนิปาต
                   ขุ.         ชา.   ทวาทส. ขุททกนิกาย ชาตก        วาทสนิปาต
                   ขุ.         ชา.   ทสก. ขุททกนิกาย ชาตก          ทสกนิปาต
                   ขุ.         ชา.   ทุก.   ขุททกนิกาย ชาตก          ทุกนิปาต
                   ขุ.         ชา.   ทุก.   ขุททกนิกาย ชาตก          ทุกนิปาต
                   ขุ.         ชา.   นวก.  ขุททกนิกาย ชาตก          นวกนิปาต 
                   ขุ.         ชา.   ปกิณณก. ขุททกนิกาย ชาตก      ปกิณณกนิปาต
                   ขุ.         ชา.   ปญจก. ขุททกนิกาย ชาตก         ปญจกนิปาต
                   ขุ.         ชา.   ปญญาส. ขุททกนิกาย ชาตก       ปญญาสนิปาต
                   ขุ.         ชา.   มหา. ขุททกนิกาย ชาตก          มหานิปาต
                   ขุ.         ชา.   วีส.    ขุททกนิกาย ชาตก          วีสตินิปาต
                   ขุ.         ชา.   สฏฐิ. ขุททกนิกาย ชาตก          สฏฐินิปาต
                   ขุ.         ชา.   สตตก. ขุททกนิกาย ชาตก          สตตกนิปาต
                   ขุ.         ชา.   สตตติ. ขุททกนิกาย ชาตก          สตตตินิปาต
                   ขุ.         เถร.              ขุทฺทกนิกาย              เถรคาถา
                   ขุ.         เถรี.                                         เถรีคาถา
                   ขุ.         .                       “                     ธมมปทคาถา
                   ขุ.         ปฏิ.                     “                     ปฏิสมภิทามค
                   ขุ.         พุ.                       “                     พุทธวํส
                   ขุ.         มหา.                   “                     มหานิทเทส
                   ขุ.         สุ.                ขุททกนิกาย              สุตตนิปาต
                   ที.         ปาฏิ.              ทีฆนิกาย                ปาฏิกวค
                   ที.         มหา.                   “                     มหาวค
                   ม.         อุป.              มชฌิมนิกาย              อุปริปณณาสก
                   ม.         .                       “                     มชฌิมปณณาสก
                   สํ.         นิ.                สํยตตนิกาย              นิทานวค
                   สํ.         มหา.                    "                     มหาวารวค
                   สํ.         .                       "                     สคาถวค
                   สํ.         สฬ.              สํยตตนิกาย              สฬายตนวค
                   ส.         ม.            สวดมนต์ฉบับหลวง          ( พิมพ์ครั้งที่ ๕ )
                   - / -                     เลขหน้าขีดบอกเล่ม         เลขหลังขีดบอกหน้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น